วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559

๘๐ สงเคราะห์บุญกิริยา ๑๐ เป็นบุญกิริยาวัตถุ ๓ อีกนัยหนึ่ง

#๘๐อภิธัมมาวตาราวตาร : เพื่อเข้าถึงคัมภีร์อภิธัมมาวตาร
กามาวจรกุศลจิต : สงเคราะห์บุญกิริยา ๑๐ เป็นบุญกิริยาวัตถุ ๓ อีกนัยหนึ่ง

( เนื้อความช่วงนี้อยู่ใน #คัมภีร์อภิธัมมาวตาร๘ )
นอกจากบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการนั้นที่ตามนัยที่มาในอรรถกถาแล้ว ยังมีบางอาจารย์ตัดทิฏฐุชุกรรมออก แต่เพิ่มบุญกิริยาอีก ๓ ดังกล่าวมาแล้วในคราวที่แล้ว อันที่จริงแล้ว บุญกิริยาเหล่านั้นสามารถสงเคราะห์ได้ในทิฏฐุชุกรรม โดยไม่ต้องตัดออกอย่างนี้ คือ

๒๔. สพฺพานุสฺสติปุญฺญญฺจ,       ปสํสา สรณตฺตยํ;
      ยนฺติ ทิฏฺฐิชุกมฺมสฺมิํ,         สงฺคหํ นตฺถิ สํสโยฯ
๒๔. การระลึกบุญทั้งปวง การสรรเสริญ และ (การถึง) สรณะทั้ง ๓ ถึงการสงเคราะห์เข้าในทิฏฐุชุกรรม ในการถึงการสงเคราะห์ได้นั้น ไม่ต้องสงสัย

การระลึกบุญของตนเป็นต้นตามมติของอาจารย์สำนักอื่นนั้น อันที่จริงก็คือทิฏฐุชุกรรมนั่นเอง ควรทราบรายละเอียดดังนี้
การระลึกบุญของตน ได้แก่ การระลึกกรรมดีที่ตนได้เคยทำไปแล้วนั้นทุกอย่าง.
การสรรเสริญบุญผู้อื่น ได้แก่ การสรรเสริญการทำบุญก็ตาม สัมมาปฏิบัติ ก็ตามที่ผู้อื่นทำไว้ ดวยจิตเลื่อมใส ยินดีชื่นชม.
การถึงสรณะทั้งสาม ได้แก่ การถึงพระรัตนะ ๓ มีพระพุทธเจ้าเป็นต้นว่าเป็นสรณะ.
พระพุทธเจ้าเป็นต้น จัดเป็นสรณะในที่นี้ เหตุที่เป็นสิ่งกำจัดภัย เพราะว่าสรณะทั้งสามนั้น ย่อมกำจัดภัย ความสะดุ้งหวาดหวั่น ความเร่าร้อนคือทุคติ คือ ทำให้พินาศ ก็ด้วยการถึงเข้าสรณะนั้นนั่นเอง.
อนึ่ง ในเรื่องการถึงสรณะ ๓ นั้น แม้คำว่า สรณตฺตย หาได้หมายถึง ตัวสรณะคือพระพุทธเจ้าเป็นต้นไม่. เพราะสรณะ ๓ นั้นไม่ใช่บุญกิริยาวัตถุ.  แต่หมายถึง การถึงสรณะ ๓. การใช้คำพูดแบบนี้มีความเป็นไปโดย ๒ ลักษณะ คือ

๑. เป็นการพูดโดยอ้อม หมายถึง จะพูดว่า การถึงสรณะ ๓  แต่พูดว่า สรณะ ๓.  อันที่จริง การถึงสรณะ ๓ ได้แก่ เจตนาอันเป็นไปโดยการเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าเป็นต้น โดยนัยว่า พระผู้มีพระภาคเป็นพระอรหันต์ด้วยเหตุแม้นี้, พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว, พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดี ดังนี้เป็นต้น นั่นเอง.
ดังนั้น คำพูดว่า สรณะ ๓ จึงเป็นการพูดโดยอ้อม คือ พูดถึงสรณะแต่หมายถึงเจตนาที่เป็นไปในสรณะ ๓ เหล่านั้น.  

๒. การกล่าวเพียงคำว่า สรณตฺตย ในคาถา ก็เป็นคำพูดโดยลบบทหลังคือ คำว่า คมน ไปกล่าวคือ แทนที่จะกล่าวว่า สรณตฺตยคมนํ ก็กล่าวเสียว่า สรณตฺตยํ.

เป็นอันว่า บุญกิริยา ๓ นี้ที่อาจารย์สำนักอภัยคีรีว่ามา ก็ถึงความรวมกันอยู่ในทิฏฐุชุกรรมนี่เอง การได้บุญกิริยาเหล่านี้มา ก็ด้วยอำนาจของทิฏฐุชุกรรมนั่นแหละ. เพราะเหตุที่บุญ ๓ นี้จะเกิดเฉพาะผู้ที่ไม่มีความเห็นผิดเท่นั้น ดังนั้น จึงรวมอยู่ในทิฏฐุชุกรรมนี้แน่นอน ไม่ควรจัดเป็นบุญกิริยาอีกข้อต่างหาก. ดังนั้น ท่านสาธุชนอย่าได้ไขว้เขวตามคำพูดของอาจารย์เหล่านั้นเลย จงจัดบุญกิริยา ๑๐ ดังมติของฝ่ายมหาวิหารนี้เท่านั้นเถิด. 

*******

ขออนุโมทนา 
สมภพ สงวนพานิช.  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น