#๗๒อภิธัมมาวตาราวตาร :
เพื่อเข้าถึงคัมภีร์อภิธัมมาวตาร
กามาวจรกุศลจิต : คำวินิจฉัยบุญกิริยวัตถุ ๑๐ ข้อว่า ปัตติทาน
ภาวนามยปุญญกิริยาวัตถุที่ได้กล่าวมาแล้วคือ
วิปัสสนา สมถะ การศึกษาศิลปวิทยางานอาชีพที่ไม่มีโทษ รวมกระทั่งการพิจารณาไทยธรรมในคราวก่อนให้
กำลังให้และหลังจากให้.
แต่ยกเว้นสมาธิที่เป็นอัปปนาสมาธิและวิปัสสนาที่เกิดหลังโคตรภูญาณ ไม่จัดเป็นภาวนามย
เพราะเป็นกุศลที่ไม่ใช่กามาวจรกุศล แต่เป็นรูปาจรกุศล อรูปาวจรกุศล และโลกุตรกุศล.
บัดนี้จะแสดงวินิจฉัยเรื่องปัตติทาน ตามนัยของฎีกาอภิธัมมาวตารสืบไป
ปัตติทาน เมื่อว่าตามบทพยัญชนะ
ได้แก่ การให้ปัตติคือบุญนั่นเอง ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นเจตนาที่เป็นไปภายหลังที่บุคคลได้ทำกรรมดีอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วมุ่งหวังให้กรรมดีที่ตนทำไว้แล้วนั้นเป็นของทั่วไปแก่ชนเหล่าอื่นด้วยอาการอย่างนี้ว่า
“บุญนี้จงมีแก่ชนชื่อโน้น หรือแก่สรรพสัตว์เถิด”.
#ปัญหาน่าสงสัย
ถาม
ถ้าเอาบุญของตนไปให้ผู้อื่นแล้ว บุญจะมิเป็นอันสิ้นไปดอกหรือ?
ตอบ ไม่, เปรียบเหมือนว่า
เมื่อได้จุดประทีปหนึ่งดวงแล้วต่อประทีปจากดวงแรกนั้นอีกพันดวง ดวงแรกจะได้ชื่อว่า หมดสิ้นไป ก็หามิได้เลย, โดยที่แท้
เมื่อประทีปดวงหลังรวมกับดวงแรกเป็นดวงเดียวแล้ว
จะกลายเป็นประทีปดวงใหญ่อย่างยิ่งทีเดียว ข้อนี้เป็นฉันใด,
แม้เมื่อให้ส่วนบุญฉะนี้แล้ว จะมีความเสื่อมสิ้นไปก็หามิได้เลย, โดยที่แท้กลับเป็นอันเจริญงอกงามนั่นเทียว
ฉันนั้น.
#ปัญหาน่าสงสัย
ถาม
ก็ปัตติคือส่วนบุญที่ทำแล้วนี้ จะได้ชื่อว่า “เป็นอันให้แล้ว” ได้อย่างไร?
ตอบ ด้วยการเปล่งวาจาหรือคิดในใจ
ในเวลาก่อนหรือแม้ในภายหลัง อย่างนี้ว่า บุญกรรมของเรานี้จงมีแก่สรรพสัตว์ หรือ
แก่บุคคลโน้น”.
แม้เมื่อเอ่ยวาจาว่า
“เราได้ทำกรรมดีอันใดไว้, เรา “ขอให้” ผลของกรรมดีนั้น” ฉะนี้แล้ว บุญคือปัตตินั้น
ก็เป็นอันให้แล้ว. กรณีนี้เป็นอีกแนวคิดหนึ่ง.
จึงมีข้อสรุปตกลงร่วมกันของอาจารย์ทั้งหลายในเรื่องนี้ว่า
“ก็เพราะปัตตินี้เป็นกรรมอยู่ในห้วข้อว่าด้วยเรื่องกุศลกรรมด้วย ปัตตินั้นควรถูกอนุโมทนาด้วย
ดังนั้น ปัตตินั่นแหละก็เป็นของพึงให้, ปัตตินั่นแหละ แม้อันบุคคลผู้อนุโมทนา
ก็จะพึงอนุโมทนาด้วย.
(หมายถึง ปัตตินั้นนั่นแหละควรให้ เพราะเป็นเรื่องกุศลกรรม, และปัตตินั้นเช่นกัน ผู้จะอนุโมทนาก็จะควรอนุโมทนาฉะนั้น กุศลกรรมที่ตนทำมาซึ่งจะให้แก่คนอื่นที่เขาจะควรอนุโมทนา
จึงเรียก ว่า ปัตติทาน
ปัตติ คือ บุญที่เข้าถึงแล้ว
ทำแล้ว ซึ่งได้แก่ บุญส่วนบุญที่ผู้ทำได้รับ. อีกนัยหนึ่ง ปัตติ คือ บุญที่ให้ถึงแก่ผู้อื่น
หมายถึง ผลบุญที่อุทิศให้คนอื่น และเป็นผลบุญที่ผู้อื่นซึ่งอนุโมทนาชื่นชมอยู่พึงได้รับ
[คำว่า ปตฺติ มีความหมาย ๒ ประการ
คือ
-ส่วนบุญที่ได้รับ = ปชฺชิตฺถาติ
ปตฺติ (ปท ธาตุ + ติ ปัจจัย)
-ผลบุญที่อุทิศให้คนอื่น = ปาปียตีติ ปตฺติ (ปท ธาตุ
+ เณ การิตปัจจัย + ติ ปัจจัย)]
ขอยุติไว้แต่เพียงนี้
ขออนุโมทนา
สมภพ
สงวนพานิช.
*****