#๖๘อภิธัมมาวตาราวตาร :
เพื่อเข้าถึงคัมภีร์อภิธัมมาวตาร
กามาวจรกุศลจิต
: ความเป็นไปของกามาวจรกุศลจิต ๘ ดวงโดยบุญกิริยวัตถุ ๑๐
ดู #คัมภีร์อภิธัมมาวตาร๘
จิต ๘ ดวง ได้ชื่อว่า กามาวจร
ด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ เที่ยวไปในกามตลอดกาลโดยส่วนมาก ๑, ทำปฏิสนธิให้เที่ยวไปในกาม
๑, นับเนื่องในกามาวจร ๑ และ ชื่อว่า กุศล เพราะกำจัดบาป เป็นต้น เพราะเหตุนั้น
จึงชื่อว่า กามาวจรกุศลจิต เพราะเป็นกามาวจร ด้วย กามาวจรนั้น เป็น กุศลด้วย
จึงชื่อว่า กามาวจรกุศล.
ก็กามาวจรกุศลจิต ๘ ดวงเหล่านั้น
มีความเป็นไปอย่างไรบ้าง
๒๐.
อิทํ อฏฺฐวิธํ จิตฺตํ, กามาวจรสญฺญิตํ;
ทสปุญฺญกฺริยวตฺถุ- วเสเนว ปวตฺตติฯ
จิตที่ได้ชื่อว่า กามาวจร ๘
อย่างนี้ ย่อมเป็นไปด้วยสามารถแห่งบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ นั่นเทียว.
บุญกิริยาประเภทใดประเภทหนึ่ง ในบุญกิริยาวัตถุ
๑๐ ประการ ย่อมเป็นเหตุให้จิต ๘ ดวงนี้เกิดขึ้น.
ในที่นี้จะแสดงเรื่องเหล่านี้โดยสังเขป
พอเป็นเครื่องประกอบของกามาวจรกุศลจิต เรื่องนี้มาในอรรถกถาอภิธรรมชื่อว่า
อัฏฐสาลินี และคัมภีร์อื่นๆฝ่ายพระสูตรมากแล้ว
ขอท่านสาธุชนค้นหาความพิสดารในนั้นเถิด.
พระฎีกาจารย์แสดงไว้ในคัมภีร์ฎีกาอภิธัมมาวตาร
บุญกิริยาวัตถุ โดยแยกศัพท์นี้ออกเป็น ๓ คือ
บุญ
คือ สภาวะทำให้เกิดผลน่าบูชา และ เป็นสภาวะชำระสันดานของตน
กิริยา
คือ กรรมอันควรทำ
วัตถุ
คือ เหตุอันเป็นที่ต้้งของอานิสงส์เหล่านั้นๆ.
และเมื่อนำสามศัพท์รวมกัน
ก็ได้ความว่า บุญนั้นเป็นสิ่งที่ควรทำ ชื่อว่า บุญกิริยา, บุญกิริยานั้นคือวัตถุ เพราะเป็นที่ตั้งคือเป็นเหตุแห่งอานิสงส์ต่างๆ
จึงชื่อว่า บุญกิริยาวัตถุ.
จิต
๘ ดวงเหล่านี้แหละ ก็คือบุญกิริยาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการนั้นทีเดียว จึงหมายความว่า เมื่อจิตดวงนี้เป็นไป
ก็ย่อมเป็นไปโดยเป็นบุญกิริยาวัตถุได้ทั้ง ๑๐ ซึ่งต่างจากรูปาวจรกุศล อรูปาวจรกุศล
และโลกุตรกุศลที่เป็นไปโดยภาวมยกุศลอย่างเดียวเท่านั้น.
ยังมีความหมายอีกนัยหนึ่ง
คือ จิต ๘ ดวงนี้แหละ ย่อมเป็นไปโดยเป็นบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ อย่างนี้เท่านั้น
จะเป็นไปโดยบุญกิริยาวัตถุมีการสรรเสริญเทพอื่นเป็นต้น ที่พวกเดียรถีย์ฝ่ายอื่นตั้งขึ้น
ก็หามิได้. เรื่องนี้ พระฎีกาจารย์บอกว่า จะมีรายละเอียดให้ติดตามในข้อความว่า “บุญคืออนุสสติทั้งปวง”
เป็นต้น ที่จะมาถึงในคราวต่อๆไป.
ขออนุโมทนา
สมภพ สงวนพานิช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น