#๒๔อภิธัมมาวตาราวตาร : เพื่อเข้าถึงคัมภีร์อภิธัมมาวตาร
กุศลชาติ : ลักขณาทิจตุกกะของกุศล
นัยที่ ๒ (ต่อ)
กุศลมีความผ่องแผ้วเป็นรส
ผู้ใคร่ต่อการศึกษาพระอภิธรรมทั้งหลาย
เมื่อสังเกตข้อความนี้ถี่ถ้วนดีแล้ว จะพบว่า
มีส่วนคล้ายกับที่เคยกล่าวแล้วในนัยที่ ๑ คือ กุศลมีการกำจัดอกุศลเป็นรส และ
มีความผ่องแผ้วเป็นปัจจุปัฏฐาน. แต่ในที่นี้ ความผ่องแผ้วที่เคยเป็นปัจจุปัฏฐาน
เหตุไรท่านเอามาแสดงโดยความเป็นรส.
นอกจากนี้ ความผ่องแผ้วจะเป็นกิจหรือหน้าที่ได้อย่างไร. ปัญหานี้น่าสงสัย
แต่พระฎีกาจารย์ช่วยเฉลยข้อคับข้องใจเหล่านี้ไว้
คำว่า รส ในที่นี้มีความหมายว่า
ภาวะที่ตนถึงความสมบูรณ์. แท้ที่จริง รส ในทางพระศาสนามีใช้หลายความหมาย เช่น
๑. สภาวธรรมอย่างหนึ่งอันชิวหาวิญญาณเท่านั้นจะพึงรู้ได้
ได้แก่ รสารมณ์
๒. หน้าที่การงานของสภาวธรรม ได้แก่
กิจรส
๓. ความสมบูรณ์ของสภาวธรรม ความถึงพร้อม
ได้แก่ สัมปัตติรส
๔. การทำสามีจิกรรมต่อกัน ได้แก่
สามัคคีรส
๕. คุณสมบัติอันเป็นเครื่องสังเกต
ได้แก่ ลักขณรส
ในลักขณาทิจตุกกะนี้ หมายถึง กิจรส
และ สัมปัตติรส. การแสดงกิจรสและสัมปัตติรส ไม่เป็นอันแน่นอน เพราะบางสภาวะก็แสดงไว้ถึง
๒ รส และบางสภาวะแสดงไว้เพียงรสเดียว อย่างใดอย่างหนึ่ง.
สำหรับกุศลนี้ ท่านแสดงนัยที่ ๒ ไว้โดยความเป็นสัมปัตติรสว่า
มีความผ่องแผ้วเป็นสัมปัตติรส เพราะความบริบูรณ์ของกุศล
ก็โดยภาวะที่ไม่แปดเปื้อนมัวหมองด้วยกิเลสมลทิน.
ขออนุโมทนา
สมภพ สงวนพานิช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น