วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

๖๔ : แม้จิตก็ชื่อว่า กามาวจร

#๖๔อภิธัมมาวตาราวตาร เพื่อเข้าถึงคัมภีร์อภิธัมมาวตาร
กามาวจรกุศลจิต : แม้จิตก็ชื่อว่า กามาวจร

( เนื้อความช่วงนี้อยู่ใน #คัมภีร์อภิธัมมาวตาร๗ )
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า  คำว่า กาม ย่อมาจาก กามาวจร หมายถึง ภูมิ หรือ ประเทศ ๑๑ อันเป็นที่ท่องเที่ยวไปแห่งกาม. แต่ในความหมายต่อไปนี้ คำว่า กาม อันหมายถึง กามาวจรภูมินั้น จะถูกนำมาย่อเข้ากับคำว่า อวจร เป็น กามาวจร อีกครั้งหนึ่ง และจะมีความหมายว่าจิต อันได้แก่ กุศลจิตที่จำแนกเป็น ๘ ดวงตามประเภทแห่งเวทนา ญาณ และสังขาร นั้น.  ก็กุศลจิตนั้นเป็นไปในกามาวจรภูมินั้นอย่างไร?

๑๘. ตสฺมิํ กาเม อิทํ จิตฺตํ        สทาวจรตีติ จ;
   กามาวจรมิจฺเจวํ            กถิตํ กามฆาตินาฯ

๑๘. ก็จิตดวงนี้ ย่อมท่องเที่ยวไปตลอดกาลทุกเมื่อ ในกามนั้น เพราะเหตุนั้น พระพุทธเจ้าผู้ทรงฆ่ากามได้แล้ว จึงตรัสเรียกไว้อย่างนี้ว่า “กามาวจร”

ท่านทั้งหลาย เป็นอันว่า กามาวจรจิต อันมีที่มาที่ไปแห่งชื่ออย่างพิสดารล้ำเหลือ ได้แก่ จิตที่เป็นไปในกามาวจรภูมินี้นั่นเอง. อนึ่ง  กามาวจรจิตจะมีเพียงกุศลจิต ๘ ดวงนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้จิตที่เป็นอกุศลชาติทั้งหมด เป็นต้น ก็ชื่อว่า กามาวจรจิตเหมือนกัน เหตุที่มีความเป็นไปในกามนั้นตลอดกาลทุกเมื่อ.  แต่ทว่ากามาวจรจิตที่เป็นเนื้อความหรือเป้าหมายที่กำลังกล่าวถึงในการศึกษาอภิธัมมาวตารบทนี้ ได้แก่ กุศลจิต ๘ ดวงนี้นั่นเอง ตามหัวข้อว่า “กามาวจรกุศลจิต” ด้วยเหตุนี้ จึงต้องใช้คำว่า กุศล ประกอบไว้เพื่อกันกามาวจิตที่เป็นพวกอกุศลชาติ เป็นต้นนั้น

ก็การดำเนินไปในกามแห่งกุศลจิตนี้ แม้จะการเป็นไปตลอดกาลทุกเมื่อดังกล่าวมานั้นก็จริง แต่ การเป็นไปตลอดกาล ก็เพียงเป็นไปในกามนั้นโดยส่วนมาก หรือเป็นไปอยู่ในกามนั้นเนืองๆ เท่านั้น. ในเรื่องนี้ควรเข้าใจด้วยอุปมา.

ช้างตัวหนึ่งได้นามว่า สังคามาวจร เพราะมันหยั่งลงสู่สมรภูมิสงครามโดยมาก ถึงมันจะเที่ยวไปในสถานที่อื่นบ้าง ก็ยังคงเป็นที่รู้จักแก่ผู้ที่พบเห็นว่า สังคามาวจร อยู่น้่นเอง อันเนื่องมาจากความเป็นไปโดยมากในสงคราม, ข้อนี้มีครุวนา ฉันใด, แม้จิตที่ชื่อกามาวจรก็เป็นฉันนั้น คือ บัณฑิตต่างก็ยังเรียกว่า กามาวจรจิตอยู่นั่นเอง อันเนื่องมาจากเป็นไปอยู่ในกามโลกอยู่โดยส่วนมาก.

#ปัญหาน่าสงสัย

ถาม ถ้าเช่นนั้น ในเมื่อกามาวจรจิตนี้สามารถเป็นไปในรูป และ อรูปได้ กุศลจิตนั้น ก็ควรจะเรียกว่า รูปาวจร และ อรูปาวจร ได้เช่นกัน?

ตอบ ไม่ได้หรอก เพราะการเที่ยวไปในรูปหรืออรูปนั้น ก็ต้องถือเอาโดยการเที่ยวไปบ่อยๆ โดยมากเท่านั้นเป็นประมาณ เหมือนกัน แต่เพราะจิตนี้เป็นไปในกาม ๑๑ แห่งนี้โดยมาก ไม่เป็นไปในรูปและอรูปโดยมาก.

ฉะนี้แล พระพุทธองค์ ที่พระพุทธทัตตเถราจารย์ถวายพระนามว่า กามฆาติ เพราะทรงมีปกติกำจัดกิเลสกามของเหล่าเวไนยยะ โดยกระแสพระเทศนาญาณ จึงตรัสเรียกจิตพวกนี้ กามาวจร เท่านั้น ไม่ตรัสเรียกว่า กามาวจราวจร จิตที่เที่ยวไปแต่ในกามาวจร หรือรูปารูปาวจร จิตที่เป็นไปทั้งในรูปและอรูป.

ขออนุโมทนา
สมภพ สงวนพานิช



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น